top of page

RIVIERA : 𝟴 ยุโรปทะเลใต้

Updated: Aug 7, 2019



ส่วนตัวชอบเรียกชายฝั่งทะเลตอนใต้ของยุโรปว่าเมืองตัดเลี่ยน


ริเวียร่า 8 แห่งนี้พริมรวมจากหลายทริปค่ะ เพิ่งรู้เหมือนกันว่าตัวเองเลียบเมดิเตอร์เรเนี่ยนมาพอสมควร

ในบทความนี้ ริเวียร่าคือชายฝั่งทะเลทางตอนใต้ของยุโรป แดดเปรี้ยงปร้างตลอดปี น้ำเป็นสีฟ้าน้ำเงินสวยสด ภูมิประเทศริมทะเลสูงต่ำแปลกตา บางหาดกว่าจะไปถึงก็ต้องไต่เขาลงไป

แต่ก็ยังคึกคักเพราะเป็นสถานที่ตากอากาศยอดฮิตในหมู่คนยุโรป คนยิ่งเยอะ ริเวียร่ายิ่งแซ่บ (เอ๊ะ ยังไง)


แต่ละเมืองล้วนเป็นสีสันให้ทริปยุโรปไม่จืดเกินไป บางทีการเห็นบ้านเมืองโทนเดียวกันทุกวัน

พอได้อะไรสดใสมาเบรคบ้างก็สดชื่นดี ริเวียร่าคือคำตอบสุดวิเศษนั้นเลย

บางหาดก็ร้อนแรงเต็มไปด้วยวัยรุ่นผิวแทน

บางหาดก็มีแต่ปูย่าตายายจูงกันมาอาบแดด กินไอติม


ถ้าไม่ใช่เพราะชอบคำว่าริเวียร่า อาจไม่ได้ทำคอนเทนท์นี้ขึ้นมา

  1. Italy : Cinque Terre

  2. Portugal : Algarve Coast

  3. Spain : Costa Brava

  4. England : Jurassic Coast

  5. Greece : Santorini

  6. Greece : Mykonos

  7. Italy : Portofino

  8. France : Cote d’Azur




 

Italy : Cinque Terre

เซทนี้เก่าหน่อย แต่ตัดสินใจเอามาลงเพราะยังชอบมาถึงตอนนี้ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าปัจจุบัน ชิงเกวเตเร่ Cinque Terre เปลี่ยนไปถึงไหนแล้ว แต่ตอนที่ไปมันมีเสน่ห์มาก ดึงดูดและชวนให้ประหลาดใจในทุกมุม ดีที่สุดในทริปอิตาลี่เลย มันครบเครื่องทั้งทะเลสวย บ้านเมืองสวย เล็กกะทัดรัด เที่ยวง่าย บรรยากาศดี


อาจเพราะตอนที่ไปข้อมูลเกี่ยวกับ Cinque Terre ยังไม่เยอะเหมือนในสมัยนี้ ยังไม่มีมือถือไว้ค้นข้อมูล ไม่มีกูเกิลแมพให้พึ่งพิงระหว่างทาง พริมจึงต้องพกหนังสือท่องเที่ยวภาษาอังกฤษเล่มหนักๆถ่วงกระเป๋าไปด้วย ไว้เที่ยวตามรอยหนังสือ ใครอยากไปลองค้นเพิ่มๆดูนะคะว่า เดี๋ยวนี้มีอะไรให้แวะเพิ่มบ้าง

  • cinque คือ ห้า

  • terre คือ แผ่นดิน

ที่นี่เป็นกระจุกของหมู่บ้านทั้ง 5 บนหน้าผาตามแนวชายฝั่ง Italian Riviera หรือหลายคนคุ้นในชื่อ Ligurian Riviera (ทะเลบริเวณนี้ชื่อทะเลลิกูเรี่ยน) นอกจากจะเป็นอุทยานแห่งชาติที่เล็กที่สุดของอิตาลี่แล้ว ที่นี่ยังขึ้นทะเบียนมรดกโลกกับ UNESCO ด้วย แต่ละหมู่บ้านใกล้ชิดกันระดับนั่งรถไฟ 5-10 นาทีก็ถึงที่ใหม่แล้ว เดินเล่นแป๊บเดียวก็ครบ เที่ยวง่ายๆสนุกดี ใช้เวลาเพียงวันเดียวก็เที่ยวครบ

  1. Riomaggiore - ริโอมัจจอเร่ หมู่บ้านหุบเขาริมทะเล บ้านสีๆเรียงกันเหมือนเป็นอัฒจรรย์สูงล้อมท่าเรือ คือถ้ายืนอยู่ตรงท่าเรือ เงิยหน้าขึ้นไปก็แทบจะเห็นทั้งหมู่บ้านเลย ไม่มีหาดให้ลงเล่นน้ำ

  2. Manarola - มานาโรล่า หมู่บ้านที่เรียงไปตามไหล่เข้าได้แน่นสุดๆ แทบไม่มีช่องระหว่างตึกให้เห็นเวลาถ่ายรูปเลย ที่นี่ถ่ายรูปสวย แต่ลงเล่นน้ำไม่ได้

  3. Corniglia - คอนีเลีย ตั้งอยู่บนหน้าผาที่สูงลอยจากทะเล บ้านเรือนจึงไม่ได้ติดทะเลเหมือนที่อื่น

  4. Vernazza - เวอนัซซ่า หมู่บ้านนี้แห่งนี้โอบล้อมทะเลอยู่ เวิ้งอ่าวที่ยื่นเข้ามาดูจะเป็นที่จอดเรือมากกว่าไว้ลงเล่นน้ำ แต่ถ่ายทะเลแถวนี้สวยดี น้ำทะเลสะท้อนตึกจนเหมือนจานสีใบโต

  5. Monterosso al Mare - มอนเตรอซโซ่ อัล มาเร่ รู้สึกว่าหมู่บ้านนี้จะใหญ่สุด ขยายในแนบราบต่างจากหมู่บ้านอื่นที่ไต่ไปตามหน้าผามีชายหาดกว้างและทอดยาวให้คนอาบแดด น้ำทะเลเรียบและใสแจ๋วน่าเล่น พริมเลือกพักที่เมืองนี้เพราะมีที่พักให้เลือกเยอะ มีทั้งย่านเมืองใหม่เมืองเก่า บ้านเรือนไม่ได้ไต่ไปตามภูเขา เลยไม่ต้องลากกระเป๋าขึ้นไปตามทางชันเหมือนหมู่บ้านอื่น มีชายหาดกว้างๆทำให้ได้นั่งกินพาสต้าดูพระอาทิตย์ตกริมทะเลสบายๆ


แม้จะผ่านมา 8 ปีแล้ว แต่ไม่เคยลืมพระอาทิตย์ตกริมหาดมอนเตรอซโซ่เลย

เป็นท้องฟ้าเปลี่ยนสีที่ละมุนตาที่สุด เปลี่ยนสีอยู่เป็นชั่วโมงกว่าฟ้าจะยอมมืด

  • แนะนำให้พักหมู่บ้านที่ 5 ที่ชื่อยาวสุดเหมือนที่พริมพัก เพราะหาที่พัก ที่กินง่าย เดินสบาย แล้วค่อยขึ้นรถไฟไปเที่ยวหมู่บ้านข้างเคียงเอาค่ะ




 

Portugal - Algarve Coast

ตอนแรกว่าจะไม่แวะตอนใต้ของโปรตุเกสเลย แต่ระยะทางจากสเปนขึ้นไปยังลิสบอน เมืองหลวงของโปรตุเกสค่อนข้างไกล ชายฝั่งทะเลทางตอนใต้ที่ชื่อ อัลกาฟ Algarve จึงเหมาะเป็นจุดพักครึ่งทาง


Algave Coast มีเมืองหรือหมู่บ้านเล็กๆอยู่เยอะ แต่ละหาดล้วนได้รับความนิยม

พริมเลือกพักเมืองลาโกส Lagos เพราะรู้สึกคุ้นหูดี แถมถูกชะตาหน้าตาโฮสเทลที่นี่จนอยากพักหลายๆคืน

มานึกออกทีหลังว่าที่ชื่อ Lagos สะกิดหูก็เพราะถูกหยิบยืมไปตั้งเป็นชื่อฟิลเตอร์ในแอพแต่งรูปบ่อยๆ อย่างในอินสตาแกรมสตอรี่ก็มีฟิลเตอร์ชื่อ Lagos พริมไม่ค่อยได้ใช้เท่าไหร่เพราะมันจะย้อมให้รูปเหลือง แต่พอได้เห็นลาโกสกับตา รู้เลยมันเป็นชื่อฟิลเตอร์ที่เข้าท่ามาก ที่ฟิลเตอร์ต้องเหลืองขนาดนั้นเพราะริเวียร่าของโปรตุเกสมันเหลืองและร้อนแรงดีจริงๆ เหมือนใส่แว่นกันแดดเลนส์เหลืองตลอดเวลาเลย

ตลอดชายฝั่งอัลกาฟล้วนเป็นหน้าผา การจะลงไปถึงทะเลได้คือต้องไต่บันไดลงไป ชันพอสมควร

แถมแต่ละหาดเค้าไม่ได้เชื่อมถึงกันด้วย พริมอยากแวะหลายๆหาด ก็ต้องเดินขึ้นลงเนินเขา ไต่ขึ้นลงไปทีละจุดเพื่อโผล่ให้ถึงอีกหาด ลำบากขนาด แต่ทำไมคนยังเบียดกันเต็มหาดอยู่อีก! บางหาดที่อยากไปมากๆ ต้องต่อบัสไป 2 คัน เดินข้ามเขาอีก 2 ลูก กะจะไปเช่าคายัคพายเล่น แต่พอไปถึงเห็นคิวยาวเหยียด เลยได้รู้ว่าคายัคถูกจองไปถึงเย็น แค่บ่ายวันธรรมดา คนแน่นขนาดไหนให้มันรู้ไป

ทุกคนจริงจังกับการมานอนอาบแดด บนชายหาดแคบๆแน่นไปด้วยวัยรุ่นชาวยุโรป เช้าๆเห็นยังตัวขาว เจออีกทีตอนเย็นคือหน้าคมผิวแทนเข้มกันหมดแล้ว เพราะแดดที่นี่แรงจริงๆ สีผิวของทุกคนเลยกลืนไปกับสีทรายเข้มๆของที่นี่ ที่บอกว่าหาดนี้ร้อนแรงแสบตาก็เพราะแซ่บไปหมดทุกอย่าง ทั้งสีแดด สีหาด สีน้ำ สีร่ม ผ้าปู และผู้คน พริมใส่เสื้อยืดแขนสั้นกับกางเกงขาสั้นแต่กลับรู้สึกว่าตัวเองแต่งตัวมิดชิดที่สุดบนชายฝั่งนี้แล้ว


ทรายแถบนี้สีค่อนข้างเข้ม ออกเหลืองน้ำตาล คล้ายสีเหลืองจัดของหน้าผาที่ยื่นคั่นอยู่ทุกชายหาด

น้ำทะเลก็สีจัดไม่แพ้ใคร พริมว่าทะเลทางตอนใต้ของโปรตุเกสสวย พราะคุณจะได้มองทะเลจากมุมสูง เห็นได้กว้างไกล แถมแดดแรงๆยังทำให้สีของน้ำทะเลสดใส ทั้งน้ำเงินเข้มเข้าขั้น cobalt blue สีฟ้าจัด สีเขียว หรือแม่แต่สีเหลืองเพราะสะท้อนจากชายฝั่งซึ่งล้วนเป็นหน้าผาสีเหลืองเข้มยื่นเข้าไปในทะเล

ตัวเมืองเป็นเหมือนเมืองท่องเที่ยว เต็มไปด้วยที่พัก ร้านค้า และร้านอาหาร


พอพระอาทิตย์ตก ความร้อนกลางฤดูร้อนเมื่อตอนเที่ยงวันที่พุ่งเกือบถึง 40 องศาก็หายวับ กลายเป็นเมืองริมทะเลหนาวๆที่อาจลดถึง 10 องศาได้ทันที อย่าลืมว่าเราพูดถึงกลางฤดูร้อนกันอยู่นะคะ ความเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาทำให้ที่นี่มีชีวิตชีวา ยิ่งในตัวเมือง ยิ่งเย็นก็ยิ่งคึกคัก ทุกคนที่เบียดกันเต็มหาดเมื่อบ่าย กลับเข้าเมืองมากินดื่มกันหมด ถ้าเทียบกับเกณฑ์ยุโรป เมืองต่างๆบนชายฝั่งอัลกาฟแห่งโปรตุเกสก็เป็นเมืองทะเลบรรยากาศสนุกๆที่ราคาดีใช้ได้เลย ไม่น่าแปลกใจที่วัยรุ่นยุโรปจะมากันเยอะ

  • เมืองใหญ่ๆที่แนะนำคือ Faro, Portimao, Lagos

  • เลือกพักเมืองใดเมืองหนึ่ง แล้วกลางวันตระเวนเที่ยวหาดต่างๆก็ได้ค่ะ




 


Spain - Costa Brava

พริมรู้จักชายฝั่งทะเล Costa Brava ครั้งแรกจากการดูซีรี่เกาหลีเรื่องนึง เนื้อเรื่องน่าเบื่อดูได้ตอนเดียวแต่โลเคชั่นสวยจนติดอกติดใจ รีบไปค้นทันทีว่าคือที่ไหน ถามพวกเพื่อนที่เรียนสเปนด้วย เลยได้รู้ว่าชื่อชายฝั่งคอสตาบราบ้า --- ออกเสียง Brava แบบเพื่อนสเปน (จะเรียกบราว่าก็ได้ค่ะ ทุกคนที่นั่นเข้าใจ)

ริเวียร่าแห่งนี้อยู่ขวาสุด บนสุดของสเปน ติดกับตอนใต้ของฝรั่งเศส มีเมืองเล็กๆน่าสนใจหลายเมือง

ไม่ต่างกับเมืองตากอากาศอีกหลายเมืองในยุโรป ที่กลางวันจะเงียบสนิท อาบแดด เล่นน้ำ ตัวใครตัวมัน แต่พอพระอาทิตย์ตกปุ๊บ เมืองเล็กๆสีขาวแห่งนี้ก็จะกลายเป็นเมืองโรแมนติกทันที ไฟสีเหลืองนวล กับเพลงเบาๆจากแต่ละร้าน มีเรือใบหลายลำจัดเป็นดินเนอร์ใต้แสงเทียนแบบส่วนตัวให้ด้วย

บ้านเรือนที่เป็นตึกเหลี่ยมๆขาวๆ แทรกด้วยเฟื่องฟ้างสีชมพู ทำให้อดนึกถึงซานโตรินี่ที่กรีซไม่ได้

เพียงแต่ที่นี่ดูกะทัดรัดน่าเอ็นดูกว่า และติดชายทะเลจริงๆ

บ้านไล่ระดับไปตามเนินเตี้ยๆเท่านั้น ไม่ได้สูงชันจนหาทางลงทะเลไม่เจอแบบซานโตรินี่ค่ะ

บางเวิ้งเหมาะกับการดูพระอาทิตย์ขึ้น บางเวิ้งสำหรับพระอาทิตย์ตก มีทั้งเวิ้งตื้นๆที่เด็กๆลงไปเล่น และเวิ้งที่ต้องเดินไปไกลหน่อย น้ำใสสีฟ้าเขียวเชียว วัยรุ่นหลบเล่นกันคนละมุม ดูสงบดี

หลายๆเมืองบนชายฝั่ง Costa Brava เป็นเมืองสีขาว แต่ยังมีเมืองที่เต็มไปด้วยอิฐสีน้ำตาล มีสระว่ายน้ำฟรีฟอร์มกลางเขาหิน มีปราสาทหน้าตาดูโบราณที่ยื่นลงไปในทะเล ใช้เป็นโลเคชั่นในซีรี่เกาหลีเรื่องที่จุดประกายให้พริมมาเที่ยวด้วยค่ะ

  • แนะนำเมืองสวยๆอย่าง Tossa de Mar, Begur, Cadaques, Calella de Palafrugell

  • แต่ละเมืองมีรถบัสวิ่งถึงกันแค่วันละไม่กี่รอบ บางหาดไม่มีรถสาธารณะเข้าด้วยซ้ำ ส่วนรถไฟจาก Barcelona วิ่งลงแค่เมืองใหญ่ๆไม่กี่รอบ ถ้าอยากเที่ยวหลายเมืองในวันเดียวอาจต้องเช่ารถขับค่ะ

  • ค่าใช้จ่ายที่เมืองต่างๆบนชายฝั่งนี้ราคาค่อนข้างสูง ห้องพักเต็มเร็วมากด้วยค่ะ




 


England : Jurassic Coast

เวลามีเพื่อนไปเที่ยวหรือไปเรียนต่ออังกฤษ ในเฟซบุคมักจะเต็มไปด้วยรูปของ

Seven Sisters Cliffs หน้าผาสีขาวริมทะเล กับ

Brighton เมืองตากอากาศใกล้ลอนดอน มีสวนสนุกยื่นไปในทะเลด้วย

ถือเป็นที่เที่ยวยอดฮิตคนเอเชียเลย ตอนพริมไปอังกฤษ ก็ไม่พลาดลองแวะไปดูให้รู้เช่นกัน

สวยดีค่ะ แต่ตามคาดเป๊ะ โดยเฉพาะที่แรก ในรูปเคยเห็นมาอย่างไร ของจริงก็แบบนั้นเป๊ะ

แต่ที่จะมาแนะนำวันนี้ ต้องขับรถเลียบทะเลไปทางตะวันตกหน่อย

ถึงคนมาท่องเที่ยวจะเยอะคล้ายกัน แต่ความต่างคือบรรยากาศสบายๆของการพักผ่อน

Jurassic Coast เป็นชายฝั่งทางตอนใต้ของอังกฤษ ตั้งแต่ East Devon ถึง Dorset

มีพื้นที่ทางธรรมชาติที่อยู่ภายใต้การอนุรักษ์คุ้มครองเยอะเลย


ได้ชื่อว่าจูราสสิค เพราะชั้นดินหินทรายและซากฟอซซิลแถบนี้ถูกค้นพบแล้วว่าเก่าแก่เป็นร้อยล้านปี ตั้งแต่ยุคจูราสสิคนั่นเองค่ะ ในบทความนี้พริมจะพูดถึงแค่บรรยากาศรวมๆก่อน เรื่องประวัติศาสตร์ไดโนเสาร์จะเก็บไว้เล่าถ้ามีโอกาสรีวิวเรื่องอังกฤษตอนใต้อีกที

ตลอดชายฝั่งมีเมืองเล็กๆเยอะมาก บ้านเรือนสีอ่อนๆริมทะเล เปิดเป็นทั้งร้านขายของ ขายไอติม ขายฟิชแอนด์ชิพส์ คนเยอะแต่บรรยากาศยังสบายๆ ส่วนใหญ่เป็นครอบครัวที่พาลูกมาพักผ่อน และตายายที่จูงกันมานั่งอาบแดดเป็นคู่ๆ บางชายหาดก็มีเก้าอี้ฟ้าแดงกระจายให้ทั่ว นอนอ่านหนังสือ กินไอติมกันไป


น้ำทะเลไม่ได้ใสน่าเล่น แต่ป็นสีน้ำเงินเข้ม มองแล้วสบายตา

บางหาดมีสีชมพูๆ แดงๆ แทรกอยู่ในน้ำทะเลด้วย พริมเดาว่าส่วนหนึ่งเพราะหน้าผาแถบนี้เป็นหินสีแดง อาจแดงตามอายุของแร่ธาตุจากยุคไดโน ซึ่งมีหลุดร่วงลงทะเลบ้าง

อีกส่วนอาจเป็นพวกสาหร่ายใต้น้ำ เพราะหาดที่น้ำชมพูแดงมากๆจะได้กลิ่นคาวทะเลโชยมาเข้มเลย

ขับรถแวะเที่ยวหลายหาด ชอบหมดเลย ให้แนะนำหาดเดียวเดี่ยวๆคงตอบไม่ได้ เพราะแยกความต่างแทบไม่ออกเลยค่ะ สารภาพตามตรงคือออกจากอังกฤษมาได้ก็จำชื่อทุกหาดสลับกันหมดแล้ว

นอกจากจะดูหน้าตาน่ารัก สีสันสบายตาคล้ายกัน มีชายฝั่งเป็นหน้าผาแดงๆเหมือนกัน ชื่อเมืองยังลงท้ายเหมือนกันอีก ส่วนตัวเลยคิดว่าเลือกแวะหาดไหนก็ได้ตามสะดวก เวลาน้อยก็ลองซัก 1-2 หาดพอ แค่นี้ก็พอเก็บบรรยากาศ English Riviera ได้บ้างแล้ว

  • แนะนำ Weymouth, Sidmouth, Dartmouth

  • -mouth ที่อยู่ท้ายชื่อเมือง อ่านว่าเมิธ/มัธนะคะ ไม่ใช่เมาธ์ แม้จะสะกดและมีความหมายเหมือนคำว่าปากก็ตาม แต่มันคือ river mouth หรือปากแม่น้ำนั่นเอง ปากของแม่น้ำก็คือชายฝั่งทะเล เลยจะเห็นว่าชื่อเมืองทางตอนใต้ที่ติดทะเลมักลงท้ายว่า -mouth เช่นเมือง Weymouth ก็จะมีแม่น้ำ Wey ไหลผ่าน




 

Greece : Santorini

น้ำทะเลสีน้ำเงินกับเมืองสีขาวบนหน้าผาสูง ดึงดูดนักท่องเที่ยวมากมายให้มาเที่ยว Santorini

พริมจำได้ว่าในห้องนั่งเล่นที่บ้านหลังเก่ามีกรอบรูปขนาดใหญ่ ภายในเป็นรูปตึกสีขาวโดมน้ำเงิน สดพอๆกับสีของทะเลและท้องฟ้า เห็นรูปนี้ตั้งแต่ยังอ่านหนังสือไม่ออกเลย นั่งมองอยู่ทุกวัน พอโตขึ้นถึงอ่านได้ว่าข้างล่างนั้นเขียนไว้ว่า Santorini มันจึงเป็นเมืองแรกๆในยุโรปที่พริมรู้จักเลยค่ะ

ซานโตรินี่เป็นเกาะที่ตั้งอยู่สูงขึ้นมาจากน้ำทะเล บ้านเมืองจึงอยู่บนที่สูง ไม่ได้ลาดลงไปถึงชายหาด

กลายเป็นริเวียร่าที่ทะเลเกินเอื้อมไปนิด นักท่องเที่ยวเลยแค่มานอนดูทะเล นอนอาบแดดจากระเบียงที่พักเฉยๆ แต่ด้วยความสวยของทีนี่ แค่ได้นอนดูมันก็พอแล้วจริงๆ

ซานโตรินี่มีอยู่หลายเมือง ถ้าดูในรูปจะเห็นว่าบนเขาสีเข้มจะมีกลุ่มเมืองขาวๆกระจายอยู่

เมืองที่พริมเลือกไปชื่อว่าเอีย Oia อยู่เหนือสุดของเกาะ ถ้าเคยมีภาพซานโตรินี่ติดในหัวมาก่อน

เชื่อว่า 9 ใน 10 ถูกถ่ายมาจากเอียนี่แหละค่ะ


บ้านเมืองสีขาวไม่ได้มาจากการทาสีบ้านอย่างเดียว ส่วนใหญ่พื้นทางเดินก็ปูด้วยหินอ่อนด้วย เดินในเมืองเลยเย็นสบาย ในขณะที่ตอนเช้าอาการเย็นและเมืองเงียบสงบหาผู้คนแทบไม่เจอ แต่พอช่วงเย็น นักท่องเที่ยวกลับออกมาเดินกันเต็มเมือง มีไฟสีเหลืองนวลเปิดหรี่ๆ มีเพลงบรรเลง มีเสียงไวโอลิน ผู้คนนั่งจิบไวน์ตามร้านอาหารรายทาง

  • ถ้าให้แนะนำซักที่ในโลกที่โรแมนติกสุดๆ ซานโตรินี่ยามเย็นจะผุดขึ้นมาเป็นที่แรกๆเลยค่ะ




 

Greece : Mykonos

Mykonos มีโคนอสเป็นเกาะที่ได้ชื่อเล่นเก๋ๆว่าเกาะแห่งสายลม

เป็นเกาะที่โด่งดังในหมู่คนรักแสงสียามค่ำคืน รักปาร์ตี้ ความสนุกสนาน แถมยังเป็นที่นิยมในหมู่ LGBT

สมัยเรียนอยู่มัธยมเคยชอบเพลงชื่อมีโคนอส เลยอยากลองมาเที่ยวเกาะนี้ซักครั้ง


ทะเลที่ล้อมอยู่รอบหมู่เกาะกรีกเป็นสีฟ้าสดแสบตาเสมอ สีของน้ำทะเลเหมือนกับซานโตรินี่

เพียงแต่ที่มีโคนอสเราสามารถลงไปเดินเล่นหรือนอนอาบแดดบนชายหาดได้เลย น้ำทะเลใสๆก็ลงไปเล่นได้ เพราะเกาะนี้ไม่ได้สูงเหมือนซานโตรินี่ค่ะ

อาจดูแห้งๆ ต้นไม้ใบหญ้าไม่ค่อยมี มีแต่ผาหินสีน้ำตาล ฝนก็ไม่ค่อยตก มีแต่แดดลมแรงๆ

เสน่ห์ของเกาะนี้นอกจากทะเลสวยๆ คือบ้านเมืองสีขาวตัดกรอบด้วยสีสดๆอย่างแดง ฟ้า น้ำเงิน

ที่ไทยเรามีเมืองซานโตรินี่จำลองอยู่แห่งหนึ่ง จริงๆที่นั่นไม่เหมือนซานโตรินี่เลย

มันแอบเหมือนมีโคนอสมากกว่า แต่ถ้าจะให้เอาชื่อ Mykonos ไปเรียกคงไม่คุ้น

ทะเลสวยๆมีอยู่หลายหาดมาก บางหาดก็เน้นครอบครัว บางหาดก็เป็นวัยรุ่น

รูปนี้คือหาด Psarou Beach ยอดฮิตของวัยรุ่นที่มามีโคนอส น้ำสวยน่าเล่น มีบาร์ คาเฟ่ริมหาด

มีโคนอสมีชีวิตชีวามากตอนกลางคืน แต่พริมชอบมีโคนอสในตอนเช้ามากกว่า เมืองเงียบจนเหมือนร้าง เวลาเดินเที่ยวแล้วเหมือนเป็นนักท่องเที่ยวคนเดียว --- อยากให้ลองเดินหลงสำรวจเสน่ห์ของเมืองนี้ไปเรื่อยๆ เป็นอะไรที่วิเศษมาก

  • แนะนำ 2 ย่านสำหรับเดินเล่นดูเมือง Chora และ Little Venice เดินเชื่อมถึงกันเลยค่ะ

  • Chora - เป็นเวิ้งทะเลโค้งๆที่มีบ้านและโบสถ์ขาวรายรอบ มีท่าเรือ เรือเล็กๆสำหรับออกไปเที่ยวเกาะต่างๆจอดเต็มเพราะน้ำค่อนข้างนิ่ง

  • Little Venice - หาดนี้มีกังหันลมใหญ่ๆหลายตัวที่เป็นจุดดึงดูดของเกาะ มีร้านอาหาร คาเฟ่ บาร์ และบ้านชาวประมงขาวๆที่ยื่นลงไปในทะเล คลื่นซัดทั้งตัวตึกและระเบียงร้านจนเปียกตลอด เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยจนได้ชื่อว่าโรแมนติกที่สุดบนเกาะ




 

Italy : Portofino

เมืองที่รวมบ้านชาวประมงหลากสีของอิตาลีที่ดังๆ นอกจากมี Cinque Terre แล้ว ยังมี Portofino ด้วย

ตั้งอยู่บน Italian Riviera เหมือนกัน หน้าตาแต่ละที่ก็คล้ายกันมาก เลยขอแยกไปคนละทริป ถ้าไปต่อกันในทริปเดียวกลัวเบื่อก่อน


พริมมีโอกาสสำรวจที่นี่น้อยมาก เพราะวันนั้นนอกจากรถไฟอิตาลี่ที่ขึ้นชื่อว่าชอบสไตรค์ จะเกิดสไตรค์หยุดวิ่งขึ้นมาจริงๆแล้ว พอจะออกเรือไปเที่ยวหมู่บ้านปอร์โตฟิโน่ที่อยู่สุดปลายแหลมฝนก็ตกซะก่อน กว่าจะไปถึงเลยเหลือเวลานิดเดียว ไม่มีเวลาขึ้นเรือไปเที่ยวหมู่บ้านอื่นรอบๆเลย

จุดเด่นที่รู้สึกว่า Portofino ต่างกับ Cinque Terre คือที่นี่ดูร่มรื่น สดชื่นกว่า

ตั้งแต่นั่งเรือเข้ามาแล้ว เห็นชัดว่างบนเชิงเขาที่มีบ้านเรือนสีๆ สูงขึ้นไปยังมีต้นไม้พุ่มเขียวๆอยู่เต็ม ในขณะที่ฝั่งชิงเกวเตเร่ยังนิยมปลูกต้นองุ่นไว้ทำไวน์ จึงดูไม่ร่มรื่นเท่า

  • สามารถพักที่เมือง Rapallo ซึ่งมีรถไฟมาลงได้ค่ะ แล้วขึ้นเรือมาเที่ยวตามหมู่บ้านต่างๆแถวปอร์โตฟิโน่ก็สะดวกดี มีเรือออกวันละหลายเที่ยว




 

France - Cote d’Azur

ชายฝั่งทะเลโกตดาซูร์ Cote d’Azur หรือที่คนทั้งโลกเรียกกันว่า French Riviera เป็นกลุ่มเมืองตากอากาศราคาสูง โด่งดังมาเป็นร้อยๆปี เรียกว่าเป็นต้นฉบับของตระกูลริเวียร่าเลยค่ะ

ความฝันของเด็กที่เรียนภาษาฝรั่งเศสมา ก็อยากลองไปเห็นเมืองต่างๆบนชายฝั่งนี้ซักครั้ง

พริมเลยนั่งรถไฟไปเมืองนีซ Nice เมืองที่ใหญ่สุดบนชายฝั่งนี้

French Riviera นั้นยาวเป็นร้อยกิโล แต่ถึงกว้างยาวอย่างนี้ พอนักท่องเที่ยวแน่นที หาดยังแน่นขนัด

น้ำทะเลที่นี่เป็นสีฟ้าสดเหมือนสระว่ายน้ำใส่คลอรีนไม่มีผิด ชายหาดมีแต่หินก้อนมนๆ มองดูเลยเห็นเป็นหาดสีเทาไม่ออกเหลืองเหมือนหาดทราย

จุดเด่นที่สุดของริเวียร่าแห่งนี้คือแดด พระอาทิตย์ทำงานเกิน 300 วันในแต่ละปี จึงไม่น่าแปลกใจที่เวลาคนยุโรปที่อยู่ตอนกลางๆหรือบนๆของทวีปจะอยากหลบหนาว หลบความมัวซัว มาอาบแดดที่ชายฝั่งนี้

แต่ถ้าให้เทียบกับริเวียร่าอื่นๆในลิสท์ ส่วนตัวพริมชอบที่นี่น้อยสุด อาจจะเพราะมันใหญ่เกินไปมั้งคะ

  • เมืองดังๆบนริเวียร่าฝรั่งเศสมี Nice นีซ, Cannes กาน, Saint Tropez แซงโทรเป

  • นั่งรถไฟยาวๆเลียบริเวียร่าฝรั่งเศส ผ่านประเทศโมนาโค เข้าสู่ริเวียร่าอิตาลี่ได้เลยค่ะ เป็นวิธีเที่ยวฝรั่งเศสควบอิตาลี่ที่เพลินมาก




bottom of page