top of page

CANADIAN ROCKIES yoho-banff :9ทะเลสาบริมป่าสนบนภูเขาหิมะ

Updated: May 17, 2020



ต่อเนื่องจากบทที่แล้วที่พริมเล่าถึงเสี้ยวหนึ่งของแบนฟ์และแคเนเดียนร็อกกี้ส์ Canadian Rockies หรือ กลุ่มเทือกเขาร็อกกี้ฝั่งแคนาดาไปบ้างแล้ว ว่าภายในมีอุทยานสวยๆ รวมกันอยู่ถึง 5 อุทยาน ซึ่งทริปนี้พริมเลือกเที่ยวแค่ 3 อุทยานแรก


  1. Banff แบนฟ์

  2. Yoho โยโฮ

  3. Jasper แจสเปอร์

  4. Kootenay คูเทเนย์

  5. Waterton วอเทอร์ทัน


Lake Emerald, Yoho National Park
Lake Emerald, Yoho National Park

ซึ่งในบทแรกพริมพูดเรื่องที่เที่ยวที่ 1-4 ไปแล้ว บทนี้ก็จะขับรถขึ้นเหนือไปต่อ ผ่านที่เที่ยวที่ 5-8 ซึ่งเป็นเรื่องราวของทะเลสาบล้วนๆ ทุกทะเลสาบโดดเด่นแบบกินกันไม่ลงแน่นอน หากใครยังไม่ได้อ่านบทแรกของแคเนเดียนร็อกกี้ จะกลับไปอ่านตอนแรกก่อนเพื่อความต่อเนื่อง หรือจะอ่านตอนนี้ไปเลยก็ได้ค่ะ ไม่งง


  1. Banff: Lake Minnewanka

  2. Banff: Gondola

  3. Banff: Lake Louise

  4. Banff: Moraine Lake

  5. Yoho: Lake Emerald

  6. Banff: Bow Lake

  7. Banff: Peyto Lake

  8. Banff: Waterfowl Lake

  9. Jasper: Malinge Lake

  10. Jasper: Medicine Lake

  11. Jasper: Columbia Icefield

  12. Jasper: Icefield Skywalk


** ชื่อของทะเลสาบ : บางทะเลสาบมีคำว่าเลคหน้าชื่อ เป็นชื่อเฉพาะของเค้า






 

Yoho: Lake Emerald


เมื่อขับรถออกจากประตูอุทยานแบนฟ์ กูเกิ้ลแมพที่เปิดไว้นำทางก็แจ้งขึ้นมาว่าเราได้ข้ามจากรัฐแอลเบอร์ตา (Alberta) มายังรัฐบริติชโคลัมเบีย (British Columbia) ทางตะวันตกสุดของแคนาดาเป็นที่เรียบร้อย

เนื่องจากที่พักรอบๆ เลคลูอิส (Lake Louise) และที่ห่างออกไปหลายสิบไมล์ถูกจองเต็มหมด พริมเลยเขยิบมาพักในเมืองเล็กๆ ชื่อโกลเด้น (Golden) นอกเขตอุทยานแห่งชาติแบนฟ์ ซึ่งบริเวณนี้เองก็เป็นที่ตั้งของอีกอุทยานหนึ่ง ชื่อเสียงอาจโด่งดังไม่เท่าแบนฟ์ แต่ความสวยไม่น้อยหน้าเลย อุทยานที่ว่าคือ โยโฮ หรือ Yoho National Park

เราผ่านทั้งทะเลสาบสีมิ้นท์ของเลคลูอิสและสีเทอร์ควอยซ์ของทะเลสาบโมเรน (Moraine Lake) มาแล้ว สำหรับที่อุทยานโยโฮนี่ก็จะเป็นคิวของทะเลสาบสีเขียวมรกตบ้าง ...เลคเอเมอรัลด์ (Lake Emerald) ไม่มีชื่อไหนในแคเนเดียนร็อกกี้ส์ที่จะตั้งได้ตรงตัวเท่านี้แล้วค่ะ

ต้องบอกก่อนว่าที่แวะนี่ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก ในเมื่อเห็นเมฆคลุมฟ้ามาทั้งวันแล้ว แต่ปรากฏว่าพอมาถึงเลคเอเมอรัลด์ในยามเย็น แสงสุดท้ายของวันกลับโผล่ลอดเงาต้นสนออกมาเฉยเลย น้ำในทะเลสาบสีเขียวจัดเมื่อกระทบกับแสงแดดจึงดูสดใสขึ้นอีกหลายเท่าตัว จากสีมรกตก็เริ่มมีเหลื่อมเทอร์ควอยซ์ขึ้นมา บางช่วงดูสีสว่าง บางช่วงดูเข้ม ขึ้นอยู่กับว่าแสงแดดจะลอดผ่านเงาไม้ลงมาได้แค่ไหน

พริมข้ามสะพานแล้วเดินขึ้นไปตามเนินเล็กๆ เมื่อมองลอดพุ่มไม้ออกไปจากมุมที่สูงขึ้นมาหน่อย ความเป็นมรกตของน้ำก็ยิ่งฉายชัดแบบแทบจะเรืองแสง โดดเด่นสวยงามจนละสายตาไม่ได้เลย

นานๆ ทีถึงจะมีเรือแคนูพายผ่านมาซักลำ ผู้คนมากมายที่ยืนอยู่อีกฟากของทะเลสาบเหลือตัวจิ๊ดเดียวเมื่อเทียบกับความสูงของต้นสนที่เรียงรายอยู่รอบเลคเอเมอรัลด์

จากทะเลสาบที่ไม่ได้คาดหวัง กลับกลายเป็นที่โปรดอันดับต้นๆ

ถ่ายรูปเล่นเพลินๆ แป๊บเดียว พอเห็นแสงเริ่มเป็นสีทองก็รู้ว่าพระอาทิตย์คงใกล้ตกเต็มที เลยรีบวิ่งกลับไปถ่ายฝั่งที่นักท่องเที่ยวยืนออกันอยู่ ระหว่างทางเต็มไปด้วยต้นสนสูงใหญ่ขนาบสองข้างทางเดิน

ช่วงไหนที่ต้นไม้ห่างกันหน่อยก็จะเห็นทะเลสาบโผล่อยู่เป็นระยะๆ สวยเหมือนเป็นรูปวาดที่ถูกจับใส่กรอบล้อมด้วยใบไม้ สวยจนต้องแอบแว้บออกนอกเส้นทางไปถ่ายริมน้ำอยู่เรื่อยๆ สุดท้ายพระอาทิตย์ก็เลยลับฟ้าไปก่อน วิ่งไปไม่ทันเห็นมุมมหาชนของเลคเอเมอรัลด์ในช่วงที่มีแดดเลย คงสวยมาก

มุมที่ว่าคือเมื่อมองย้อนกลับไปจะเห็นเหมือนกลุ่มต้นสนและที่พักตั้งยื่นลงไปในทะเลสาบ หากโชคดีได้ไปในเวลาที่แผ่นน้ำนิ่งสนิท มันจะกลายเป็นกระจกเงาบานใหญ่สะท้อนสีสันข้างบนลงมาบนผืนน้ำหมดเลย วิวตรงหน้ามันเหมือนภาพวาดมากกว่าภาพถ่าย ยิ่งตอนเย็นๆ ที่แดดเป็นสีเหลืองทองส่องไปที่กลางทะเลสาบยิ่งสวยใหญ่ ในรูปคือพริมถ่ายตอนแสงหมดแล้วนะคะ แนะนำให้มาเย็นๆ แต่ควรมาถ่ายมุมนี้ให้ทันแสงค่ะ

(รีวิวห้องน้ำหน่อย) ห้องน้ำสาธารณะตามทะเลสาบขนาดเล็กแบบนี้จะเป็นเหมือนกระท่อมตั้งอยู่โดดๆ ใครเปิดประตูที กลิ่นก็จะโชยไกลไปทั่วบริเวณ แรงจนบางทีไม่อยากจะเข้าเลย แต่สำหรับที่เลคเอเมอรัลด์แนะนำให้เดินวนไปหลังกระท่อมค่ะ มันมีอีกห้องซ่อนอยู่ ไม่มีใครรู้ เลยไม่มีใครใช้ สะอาดไร้กลิ่นดีมาก ส่วนถ้าเป็นทะเลสาบขนาดใหญ่และโด่งดัง ก็มักจะมีร้านขายของที่ระลึกของอุทยาน ใช้ห้องน้ำสะอาดๆ ในนั้นได้เลยค่ะ




 

Banff: Bow Lake

เช้านี้ต้องขับรถกลับจากโยโฮเข้ามาในแบนฟ์อีกครั้ง เมื่อผ่านป้อมตรวจก็แค่บอกเค้าว่าบัตรผ่านที่ซื้อและติดกระจกรถไว้เมื่อวันก่อน หมดอายุวันไหน โดยจุดหมายปลายทางคืนนี้คืออุทยานแห่งชาติแจสเปอร์ที่ตั้งอยู่เหนือแบนฟ์ ซึ่งในบทนี้เราก็ยังไม่ถึงแจสเปอร์ซักที เพราะระหว่างทางมีทะเลสาบโผล่ขึ้นมาดักให้แวะเที่ยวอยู่เรื่อยๆ บางแห่งก็ไม่ได้อยู่ในแผนที่จะไป เรียกว่าไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนด้วยซ้ำ แต่พอผ่านแล้วเห็นสวยดี ก็จอดแวะเดี๋ยวนั้นเลย หนึ่งในนั้นคือทะเลสาบโบว์ (Bow Lake)

จากบนถนน Icefields Parkway เส้นที่พารถเราวิ่งขึ้นเหนือ เมื่อมองไปทางซ้าย ใครก็ต้องสะดุดตากับภูเขาสูงใหญ่สีฟ้าขาวและป่าสนเบื้องล่างที่ขึ้นกันแน่นขนัด กลางป่าสนนั้นเองมีทะเลสาบโบว์สีเทอร์ควอยซ์ทอดตัวยาวๆ ผอมๆ ของจริงมันคงจะเป็นอีกทะเลสาบที่ใหญ่ แต่พออยู่ใต้ภูเขาและยังโดนป่าสนบังแทบทั้งหมด มันก็เลยดูเล็กนิดเดียว เราสามารถจอดรถข้างทางแล้วลงไปชมวิวตรงจุดนี้ได้เลยค่ะ เพราะพวกจุดชุมวิวต่างๆ เค้าจะทำไหล่ทางเตรียมไว้ให้อยู่แล้

หากขับเลยมาหน่อยจะมีทางให้เลี้ยวลงไปที่ริมทะเลสาบข้างล่าง พอเดินทะลุแนวต้นสนออกมาก็จะเป็นทะเลสาบโบว์ มองจากข้างล่างนี้จะเห็นว่าทะเลสาบโบว์จริงๆ ก็กว้างใหญพอสมควร น้ำดูฟ้าน้อยกว่าข้างบนหน่อย แต่พอกระทบแดดแล้วก็ระยิบระยับสวยไปอีกแบบ

ข้างล่างนี้ค่อนข้างสงบ เพราะไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวลงมา เราสามารถเดินเล่นริมน้ำไปตามชายหาดเม็ดกรวดนี้ได้ นักท่องเที่ยวบางคนที่คงคุ้นเคยกับที่นี่ดี บ้างก็พาหมามาเดินเล่น บ้างก็มานั่งปิคนิคกินข้าวเที่ยงกัน บรรยากาศสบายๆ





 

Banff: Peyto Lake


เมื่อไหร่ที่เห็นว่าริมถนนทั้งสองฝั่งมีรถจอดเรียงราย ไม่ว่าจะรู้หรือไม่ว่าที่นี่คือที่ไหน ก็ให้เดาไว้ได้เลยค่ะว่าต้องมีธรรมชาติสวยๆ ไม่ก็สัตว์ป่าอยู่ข้างทาง พริมเลยรีบจอดรถแล้วลงไปดูกับเค้าบ้าง

ที่แท้นี่คือทางเข้าของทะเลสาบเพย์โต (Peyto Lake) หนึ่งในภาพจำของแคเนเดี้ยนร็อกกี้ส์ที่ทุกคนติดตา เพราะเป็นทะเลสาบสีฟ้าเทอร์ควอยซ์สูสีมากับทะเลสาบโมเรน ตอนแรกอยากมาทะเลสาบเพย์โตมาก แต่เพิ่งเข้าเว็บอุทยานแล้วเค้าบอกว่าช่วงเดือนกันยานี้แจ็คพอต ปิดปรับปรุงพอดี รถก็เข้าไปจอดด้านในไม่ได้ ยังนึกเลยค่ะว่าจะอด แต่ดูเหมือนนักท่องเที่ยวหลายร้อยคนก็จอดรถไว้ริมถนน แล้วเดินผ่านประตูรั้วเหล็กที่เปิดแง้มๆ เข้าไป ที่จริงบนประตูมีป้ายสีแดงแปะไว้ว่า danger เพราะเค้าเตรียมที่จะปรับปรุงซ่อมแซมสถานที่ในเร็วๆนี้แล้ว แต่คงเพราะตอนนี้ยังไม่ซ่อมจริง นักท่องเที่ยวเลยแห่กันเข้าไป ภายในก็มีเจ้าหน้าที่อุทยานเดินอยู่โดยไม่ได้ว่าอะไร

นักท่องเที่ยวที่เดินสวนมาแนะนำว่าให้เดินขึ้นเนินไปตามถนนแล้วก็จะถึงทะเลสาบเอง ซึ่งจริงๆ แล้วมันเป็นทางของรถทัวร์ส่งผู้โดยสาร พอตอนนี้รถเข้าไม่ได้เลยไม่มีใครอื่นนอกจากเรา วิวภูเขา วิวต้นไม้ก็สวยดี แต่ทางที่เค้าว่าเดินง่ายนี้ มันลาดชันขึ้นสู่ที่สูงแล้วมีแดดเที่ยงร้อนแบบแผดเผา

พริมมารู้ทีหลังตอนเดินกลับว่าเส้นทางปกตินี่แหละเดินสบายและเดินเพลินสุดแล้ว เพราะมันลัดเลาะไปในป่า เดินใต้ร่มเงาของต้นสนสูงใหญ่ มีขึ้นมีลงนิดหน่อยสนุกดี ซึ่งทั้งสองทางก็พาออกมาสู่จุดชมวิวบนเขาจุดเดียวกันค่ะ

พอขึ้นมาถึงจุดชมวิวได้ก็มีเจ็บใจนิดหน่อย ทีตอนเราเดินขึ้นมาแดดออกจะเปรี้ยง แต่พอมาถึงแดดกลับถูกเมฆบังไปเกือบหมด สีของทะเลสาบเพย์โตที่ว่ากันว่าฟ้าเทอร์ควอยซ์ยิ่งกว่าใคร พอเจอเมฆบังเข้าหน่อยเลยดูหม่นไปนิด แต่อากาศบนนี้แปรปรวนบ่อย ถ้ามีเวลารอ ยังไงต้องได้เห็นสีของน้ำที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามเงาของเมฆด้านบนแน่นอน

ถึงน้ำจะไม่ฟ้าอย่างที่หวัง แต่มันก็ยังดูเหมือนสระว่ายน้ำที่ผุดขึ้นอย่างประหลาดกลางธรรมชาติ และยังคงเป็นวิวพาโนราม่าที่สวยจับใจอยู่ดี จากด้านซ้ายสุดคือหุบเขาที่มีทางน้ำเส้นเล็กๆ ละลายไหลลงมาจากธารน้ำแข็ง แล้วมาบรรจบเป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ที่ทอดตัวยาวจนอ้อมไปถึงฝั่งขวา ทุกอย่างที่กล่าวมานี้ล้วนถูกโอบล้อมไว้ด้วยป่าสนและภูเขาสลับซับซ้อนสุดลูกหูลูกตา ภูเขาบางลูกมีหิมะขาวแต้มบนยอดด้วย

มองแค่ภูเขายังรู้สึกว่าสวย ยิ่งมองไปถึงทะเลสาบ ก็ยิ่งรู้สึกว่าโลกเรานี่สวยจริงๆ ยิ่งได้เที่ยว ก็ยิ่งอยากเที่ยว





 

Banff: Waterfowl Lake


ก่อนที่รถจะเคลื่อนเข้าสู่อุทยานแห่งชาติแจสเปอร์ ยังมีอีกทะเลสาบริมถนนที่น่าจอดรถเที่ยวเหลือเกิน เพราะต้นไม้รอบทะเลสาบกำลังใบเป็นสีเหลืองสดใสรับฤดูใบไม้ร่วง ถ้าใครได้อ่านมายาวๆ ตั้งแต่บทที่แล้วจนบทนี้คงเห็นแล้วว่าที่พริมเล่ามามีแต่ต้นสนทั้งนั้นเลย พอได้เจอต้นไม้ที่ยอมผลัดใบตามฤดู เลยขอลงไปดูใกล้ๆ ให้สมกับที่เลือกมาช่วงปลายกันยาหน่อย จากลำต้นสีขาวริ้วดำ กับใบเล็กๆ สีเหลืองทอง ขอเดาเองเลยว่าน่าจะเป็นต้นเบิร์ช และหลังต้นเบิร์ชพวกนี้ไปถึงจะเป็นทะเลสาบสีมิ้นท์ๆ มีภูเขารูปกรวยแบบฟูจิเป็นฉากหลัง

จากที่เที่ยวมาแล้วหลายทะเลสาบซึ่งสวยแบบข่มกันไม่ลง อาจทำให้ทะเลสาบวอเทอร์ฟาวล์แห่งนี้ดูกลืนๆ ไปเลยก็ได้เพราะมันดูกะทัดรัดกว่าที่อื่น พริมเลยลองถอยหลังกลับมาหน่อย แล้วให้ใบไม้สีเหลืองๆ ช่วยมาเป็นกรอบล้อมวิวดู ส่วนตัวเลยชอบทะเลสาบเล็กๆ แห่งนี้ขึ้นเยอะเลย มันก็มีมุมที่โดดเด่นอยู่เหมือนกัน ซึ่งต้นเบิร์ชรอบทะเลสาบมีหลายสิบต้น ใบที่เพิ่งเริ่มเปลี่ยนจากเขียวเป็นเหลืองเลยพราวต้นไปหมด กว่าจะได้กรอบใบไม้ที่ตัวเองพอใจก็มุดๆ ส่องๆ ลับๆ ล่อๆ อยู่นาน

อาการลับๆ ล่อๆ คงไปเตะตาคุณป้าชาวจีนเข้า อยู่ๆ เลยเดินมาชะโงกดูรูปในกล้องพริม แล้วก็ยกมือถือตัวเองขึ้นมาชูติดกันเพื่อให้ได้มุมเดียวกันเป๊ะๆ พอมันไม่เป๊ะก็เลยไล่ให้พริมเขยิบออกไปเพราะป้าจะถ่ายบ้าง ถ่ายเดี๋ยวนี้ พริมยังถ่ายไม่เสร็จแต่ขี้เกียจยุ่งเลยปิดกล้องจะเดินกลับ แต่ป้าไม่ยอม โวยวายให้เปิดกล้องใหม่เพราะต้องการเทียบให้เป๊ะๆ 🤔 แบบนี้ก็มีด้วย

สารภาพตามตรงว่าตอนแวะทะเลสาบนี้ลืมอ่านป้ายชื่อ พอต้องมาเขียนพริมเลยเปิดแผนที่นั่งไล่เส้นทางดู จึงได้รู้ว่าที่นี่คือ ทะเลสาบวอเทอร์ฟาวล์ (Waterfowl Lake)



เจอกันบทหน้า Jasper ค่ะ
bottom of page